มินิมอลลิสม์

minimalist

มินิมอลลิสม์ มีแนวคิดอะไรอยู่บ้าง

คำว่า มินิมอลลิสม์ ในความหมายที่คนไทยส่วนใหญ่ มักจะเข้าใจกันถึงความเรียบง่าย ในลักษณะ น้อยแต่มาก เรียบแต่หรู หรืออะไรก็ตามแต่ ซึ่งหากอธิบายลึก ๆ แล้ว คำว่า “มินิมอล” ไม่ได้มีแค่ความหมายแบบ ที่คนทั่วไปเข้าใจกัน

มินิมอลลิสม์

ว่าต้องตกแต่งด้วยสีขาวล้วน ไร้สีสัน หรือเป็นแค่การจัด บ้าน โดยทิ้งขาวของที่มองว่าเป็นส่วนเกินชีวิตแบบ มาริเอะ คนโดะ แน่นอน ซึ่งการจะเป็น Minimalist นั้นจริง ๆ แล้วจะต้องทำยังไง มีแนวคิดอะไรอยู่บ้าง จะเหมือนการเป็น “ฮิปสเตอร์”

ที่ต้องอ่าน a day, Kinfolk หรืออ่าน Cereal ให้ดูเท่ ๆ คูล ๆ poolvilla เลี้ยงต้นแคคตัส หรือต้องใช้สรรพนามแบบพหูพจน์ แทนตัวเองที่เป็นเอกพจน์ว่า “เรา” ด้วยหรือเปล่า วันนี้จะพาไปรู้จักความหมายและเสน่ห์ของสไตล์ Minimal และการเป็นชาว Minimalist กัน ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกับคำนี้พร้อม ๆ กันเลย

Minimalist คืออะไร ?

สำหรับชาว Minimalism (มินิมอลลิซึม)  หรือ (มินิมอล)  เป็นคำที่เริ่มได้ยินมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงระยะหลัง ๆ มานี้ ซึ่ง Minimalism ก็เป็นอีกหนึ่งกระแสสังคมที่หลายคนรับเข้ามาใช้ในการดำเนินชีวิตด้านต่าง ๆ หลายครั้งที่เมื่อพูดถึงคำว่ามินิมอล

มินิมอลลิสม์

ก็มักจะมีภาพจำเป็นการแต่งกายแบบฮิปสเตอร์ การตกแต่งบ้านแบบสไตล์ร้าน MUJI แนว Zen ของชาวญี่ปุ่น หรือการแต่งบ้านสไตล์ IKEA ของยุโรป หรือแม้แต่รูปแบบสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ที่มีรูปลักษณ์

เรียบง่ายอย่าง Apple ซึ่งความจริงแล้ว “มินิมอล” pool villas ที่เราเห็นอยู่ในงานดีไซน์สินค้านั้น กลับเป็นเพียงการประยุกต์เอาหลักการพื้นฐานเพียงบางอย่างของมินิมอลมาใช้เท่านั้นเอง

Minimalist มาจากไหน แท้จริงคืออะไร ?

เพราะว่า Minimalism และ มินิมอลลิสม์ (Minimalist) มีจุดเริ่มต้นมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือช่วงเดียวกันกับยุคโมเดิร์น (Modernism) โดยกลุ่มศิลปินและนักออกแบบ ซึ่งกระแสนี้ เกิดจากความเบื่อหน่าย กับกระแสงานศิลป์

และงานออกแบบแนว Abstract Expressionism และมักจะผูกโยงกับแนวสมัยใหม่หรือ Modernism (ซึ่งก็ต่อต้านงานออกแบบและงานศิลป์แนว Art Deco มาอีกทอดหนึ่ง) โดยศิลปะแบบ Minimalism (มินิมอลลิซึม) เป็นการลดทอดจนเหลือเพียง

มินิมอลลิสม์

ความเรียบง่ายที่สุด ตัดทอนสิ่งอื่น ๆ ที่มองว่าไม่จำเป็น และแสดงออกถึงการมีอยู่ตามความที่เป็นจริงแบบตรงไปตรงมา วัตถุทรงกลม ก็คือทรงกลม สี่เหลี่ยมจัตุรัสก็คือ สี่เหลี่ยมจัตุรัส เป็นต้น ต่อเติมครัวหลังบ้าน

กระแสของ Minimalism ยังกระจายไปยังศาสตร์แขนงอื่น ๆ ทั้งสถาปัตยกรรม การออกแบบเฟอร์นิเจอร์ การออกแบบผลิตภัณฑ์ การทำอาหาร รวมไปถึงคติและหลักการในการดำเนินชีวิต ซึ่งจะเห็นได้ชัดจากวิถี Zen (เซน) ของชาวญี่ปุ่น 

โดยการดำเนินชีวิตแบบยึดหลักมินิมอลจริง ๆ แล้วคือ “ความประหยัด” และตัดสิ่งไม่จำเป็นออกไป มีของใช้เฉพาะเท่าที่จำเป็นต้องใช้ และมีอย่างละชิ้น หรือตามจำนวนที่ต้องใช้งานจริงเท่านั้นเอง

สาเหตุที่ชาวญี่ปุ่นในยุคหลัง ๆ เริ่มนำวิถีการดำเนินชีวิตแบบ Minimalist มาปรับใช้กับตัวเอง เนื่องจากความไม่แน่นอนในชีวิตที่มากขึ้น ทั้งด้วยภัยพิบัติและปัญหาเศรษฐกิจต่าง ๆ ความไม่แน่นอนในชีวิตจึงเป็นเรื่องที่ต้องคำนึงถึงเสมอ ดังนั้นการต้องเสียเงินหรือเสียพื้นที่ไปกับการจัดเก็บสิ่งของที่ไม่จำเป็น จึงต้องรู้จักปล่อยวางและตัดทิ้งไปนั่นเอง

การเป็น Minimalist มีประโยชน์อย่างไร ?

เนื่องจาก “Minimalist คือการสร้างอิสระให้ตัวเอง” เพราะถ้าหากเราสามารถปล่อยวางสิ่งไม่จำเป็นออกจากชีวิตของเราได้ เราก็จะมีพื้นที่และอิสระในการใช้เวลากับสิ่งที่เรารักจริง ๆ มากขึ้น โดยเราไม่จำเป็นต้องผูกมัด กับความต้องการของสังคม

ที่เราอาจจะไม่ได้อยากได้ เราไม่ต้องเปลืองเงินทองหรือเปลืองเวลา กับอะไรที่ซ้ำซากและอาจจะไม่ได้จำเป็นสำหรับเราจริง ๆ นั่นเอง  ฉะนั้นการสร้างพื้นที่ให้สิ่งที่เรารักก็หมายความได้ว่าเราจะประหยัดทั้งเวลา ทั้งเงินทอง และสมาธิ

มินิมอลลิสม์

ที่เราอาจจะต้องใช้ไปกับอย่างอื่นที่ไม่จำเป็นไปได้ จึงแปลว่าเราจะสามารถใส่ใจกับสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเราเองได้มากกว่า ได้โฟกัสกับงานที่สำคัญได้เยอะกว่า และโฟกัสกับการใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นและทำให้เรามีความสุขได้จริง ๆ

การทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่ก่อเกิดประโยชน์ ถือว่าเป็นสิ่งตรงข้ามกับการเป็น Minimalist ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของมาเยอะเกินความจำเป็น การทำงานที่เกินประโยชน์จากเป้าหมายหลัก หรือการใช้เวลาว่างไปอย่างเปล่าประโยชน์

ไปกับสิ่งที่เราไม่ได้สนใจมากขนาดนั้น ยกตัวอย่างเช่น นิสัยชอบไถหน้าจอเฟสบุ๊กไปเรื่อย ๆ หรือการซื้อเสื้อผ้ามากเกินโดยที่ตู้ไม่เหลือที่จะให้เก็บแล้ว สิ่งต่าง ๆ ที่เหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ถ้ามันทับถมเรื่อย ๆ ชีวิตเราก็จะมีพื้นที่ว่างน้อยลงนั่นเอง

หลาย ๆ คนคงเข้าใจหลักการและข้อดีเบื้องต้นของการเป็น Minimalist  พูลวิลล่า แล้วใช่ไหม แต่มันจะมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตแบบนี้ได้เหมาะกับเรามากขึ้น เราไปดูกันต่อเลยดีกว่า

การอยากเป็น Minimalist ต้องทำอย่างไร ?

ในการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างมักยากเสมอ มนุษย์เราเวลาพบเจออะไรที่มองว่ายาก ๆ ก็จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า เราจะต้องเปลี่ยนหรือยอมทนไปเพื่ออะไรกันนะ ซึ่งการที่เราอยากจะเริ่มเป็น Minimalist นั้น มันก็มีวิธีการที่เข้าใจไม่ยากอยู่ดังนี้

minimalist

1. การเริ่มการเป็น Minimalist จากการหาโฟกัสของตัวเอง

ขั้นแรกของการจะเป็น Minimalist ก็คือ การเลือกส่วนของการดำเนินชีวิตที่เราอยากจะมีอิสระมากขึ้นกว่าเดิม โดยอาจจะเป็นอะไรที่ดูเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างเช่นการจัดโต๊ะทำงาน การจัดบ้าน หรือแม้แต่เป็นอะไรยิ่งใหญ่อย่างการเปลี่ยนนิสัยและ

การใช้ชีวิตบางอย่างของตัวเองไปเลย ภูเก็ตวิลล่า ไม่ว่าจะเป็นเป้าหมายชีวิต หรือการพัฒนาตนเอง ซึ่งสิ่งสำคัญในขั้นตอนนี้ก็คือการเลือกอะไรที่เราเห็นว่าตัวเราสามารถทำให้มันสำเร็จได้จริง หรือทำแล้วจะช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้นนั่นเอง

2. การสร้างกฎเกณฑ์ของตัวเองในการเป็น Minimalist

ต่อมาของการเป็น Minimalist ก็คือการตั้งกฎของตัวเองให้ตัวเอง เพราะทุกคนมีนิยามของอิสระและความจำเป็นในสิ่งต่าง ๆ ไม่เท่ากัน ฉะนั้นในส่วนนี้เราก็ต้องระบุกับตัวเราเองให้ได้ว่าอะไรที่สำคัญที่สุดสำหรับตัวเอง เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่า

ชีวิตแบบ Minimal ของเราจะออกมาแบบไหน กฎของเราเองก็ต้องสามารถพาชีวิตไปยังจุดยืนนั้นให้ได้ ตัวอย่างเช่น การเป็น Minimalist ของเราก็อาจจะเป็นการลดการใส่เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาดลง และเปลี่ยนไปใส่ชุดสีพื้นเรียบ ๆ ให้มากขึ้นก็ได้

minimalist

3. การอยากเป็น Minimalist ควรลดการทำซ้ำซากที่ไม่เกิดประโยชน์

ในการจะเป็น Minimalist คือ ลดการทำซ้ำที่ไม่สำคัญ โดยการทำซ้ำในที่นี่ก็มีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่ การทำซ้ำที่สร้างคุณค่า และ การทำซ้ำที่ไม่สร้างคุณค่า ซึ่งการทำซ้ำที่สร้างคุณค่าอาจจะเป็นอะไรก็ได้เกี่ยวกับงานหรืออาชีพของเรา

เนื่องจากว่าทำแล้วมันเกิดประโยชน์และสร้างรายได้นั่นเอง ฉะนั้นสิ่งที่คนที่อยากจะเป็น Minimalist ต้องทำก็คือ การลดการทำซ้ำที่ไม่มีค่า ตัวอย่างเช่น การเช็คข้อความหรือหน้า News Feed ในโซเชียลทุก ๆ ห้าถึงสิบนาที โดยที่ก็ไม่ได้มีใครทักมา

หรือมีเนื้อหาอะไรใหม่ ๆ ป้อนเข้ามา โดยวิธีจัดการคือให้จัดตารางชีวิตด้วยการแบ่งเวลาให้กับกิจกรรมพวกนี้แบบจำกัด เช่น เราสามารถเข้าเช็คสื่อโซเชียลได้แค่ 20 นาที ต่อวัน หรือ เพียง 15 นาทีในทุก 2 – 3 ชั่วโมง เป็นต้น

4. หากจะเป็น Minimalist ให้ปล่อยวางละทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น

จากลดการทำซ้ำแล้ว คนที่อยากเป็น Minimalist ก็ควรมาโฟกัสในการลดสิ่งของที่ไม่จำเป็นด้วย โดยอาจจะเป็นสิ่งของที่เราเก็บสะสมมาหลายเดือนแล้วก็ยังไม่ได้ใช้ซักที หรือการซื้อของเพียงแค่ว่ามันลดราคาแต่ว่าไม่ได้มีความจำเป็นต้องใช้ 

เป็นต้น ซึ่ง Minimalist จะไม่เก็บของที่ไม่จำเป็นพวกนี้ไว้กับชีวิต เพราะของพวกนี้นอกจากจะเปลืองพื้นที่สำหรับสิ่งที่อาจจะสำคัญกว่า เรายังต้องเปลืองเวลาเพื่อดูแลสิ่งของพวกนี้อีกด้วย อย่างเช่น เครื่องออกกำลังกายที่เราซื้อมาตั้งไว้แล้วไม่ได้ใช้เลย

minimalist

เสื้อผ้าที่ซื้อมาเพราะลดราคาแต่ก็ไม่หาโอกาสจะสวมใส่ วิลล่าราคาถูกภูเก็ต หรือบรรดาหนังสือที่ซื้อจากงานมหกรรมแต่ก็ยังไม่ได้อ่านเลย ซึ่งของพวกนี้ถ้าเราไปขายต่อหรือบริจาค ให้กับคนอื่นที่อาจจะต้องการมากกว่า เราก็จะมีพื้นที่ในห้องหรือใน บ้าน สำหรับสิ่งอื่นที่จำเป็นกับเรามากกว่าได้มากขึ้นนั่นเอง

5. การจัดระเบียบชีวิตให้เป็น Minimalist

ซึ่งหลังจากที่ Minimalist ลดการทำซ้ำและละทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไปแล้ว ก็จะเหลือเพียงสิ่งที่จำเป็นและสำคัญต่อตัวเราเองนั่นเองครับ แต่แล้วบางคนอาจจะยังรู้สึกว่าทำไมชีวิตยังมีความวุ่นวายอยู่ นั่นก็เพราะว่าการใช้ชีวิตของเราอาจจะยังไม่ได้

ถูกจัดระเบียบเรียบเรียงให้เรียบร้อยก็ได้นั่นเอง โดยเฉพาะใครเป็นคนที่ชอบกองเสื้อผ้าไว้บนเก้าอี้ หรือ ชอบกองสายเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้จนมันพันกันวุ่นวาย อีกทั้งบรรดาเอกสารต่าง ๆ บนโต๊ะทำงานมีการจัดเรียงไว้ยังไงบ้างหรือปล่อยให้ซ้อนกองกัน

จนเป็นภูเขา ซึ่งสิ่งของที่แม้จะสำคัญต่อเราแต่ถ้าไม่มีการจัดระเบียบให้ดีก็เกิดความรกและเกะกะได้นั่นเอง ดังนั้นควรลองทำระบบและจัดระเบียบสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ให้เป็นที่เป็นทาง เพื่อที่ชีวิตของเราจะได้ง่ายยิ่งขึ้นไปอีกนั่นเอง

6. การหาของใช้ที่มีความอเนกประสงค์

ในการเป็น Minimalist จะต้องไม่ทำตัวเหมือนแบกบ้านทั้งหลังไว้กับตัวตลอด 24 ชม. อย่างการพกกระเป๋าในใหญ่ที่ข้างในใส่ของมาจนหนักแต่ใช้จริงบ่อย ๆ แค่ไม่กี่อย่าง ดังนั้นให้พกแต่สิ่งของเท่าที่จำเป็นโดยเป็นอุปกรณ์ที่สามารถใช้งาน

ได้หลากหลายก็พอครับ ตัวอย่างในยุคนี้ที่ชัดเจนก็อย่าง นาฬิกาข้อมือ Smart Watch ที่นอกจากจะใช้ดูเวลาได้แล้ว ยังสามารถแสดงข้อมูลแจ้งเตือนต่าง ๆ ที่บันทึกไว้ รวมถึงบางรุ่นอาจสามารถรับสายเพื่อพูดคุยโทรศัพท์ได้อีกด้วย

7. สำหรับเริ่มต้นชีวิตใหม่ในสไตล์ Minimal

จากปรับเปลี่ยนและปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ที่เกินจำเป็นกับชีวิตแล้ว ก็ถือว่าเราพอจะมีความเป็น Minimalist พอสมควรแล้วล่ะครับ ซึ่งก็เหลือแค่นำวิถีการใช้ชีวิตนี้ไปประยุกต์ใช้กับส่วนอื่น ๆ ในชีวิตของเราด้วย ยิ่งนำไปปรับใช้ได้หลายส่วน

ชีวิตของเราก็ จะมีความเรียบง่ายมากขึ้น วิลล่าภูเก็ตที่ขาย ซึ่งใจความหลักของ การเปลี่ยนมุมมองชีวิตนี้ก็คือการเริ่มทีละนิด โดยไม่สุดโต่งเกินไปหรือหักดิบเร็วเกินไป เพราะต่อให้มันดีแค่ไหนเราก็จะอยู่กับวิถีชีวิตนั้น ไปได้ไม่นานก็กลับมาเหมือนเดิม หากเราอยากเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตจริง ๆ ให้เราค่อย ๆ ทำแบบค่อยเป็นค่อยไปจะดีกว่า

เป็นอย่างไรบ้างการวิธีการจะเป็นชาว Minimalist  และการจัดห้อง บ้าน คอนโดให้มีความเป็นมินิมอล ซึ่งความ “น้อย” แต่ “มาก” ในขั้นตอนเหล่านี้ก็คือการที่เราจัดระเบียบชีวิตและสิ่งของต่างให้เหลือเท่าที่จำเป็นจริง ๆ ให้คงจำนวนที่ “น้อย” ลง แต่ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่ “มาก” ด้วยคุณค่าต่อจิตใจและการใช้ประโยชน์ทั้งสิ้น แต่ในแง่มุมของความ Minimalism 


อ่านบทความเพิ่มเติ่ม ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต invest in phuket property phuket villa for sale phuket village village phuket รีวิวบ้าน ขายวิลล่าภูเก็ต ขายบ้านภูเก็ต ซื้อบ้าน ตกแต่งบ้าน วิลล่าราคาถูกภูเก็ต วิลล่าภูเก็ตที่ขาย

ซื้อวิลล่า ภูเก็ต Sale Villas Phuket (RU) ภูเก็ตวิลล่า คอร์ปอเรชั่น