ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์ การขาดแสงสว่างในบ้านทาวน์เฮาส์เป็นปัญหาที่ “ปวดหัว” สำหรับเจ้าของบ้านและสถาปนิกเสมอ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ก็มีประสบการณ์เดียวกัน นอกจากนี้ยังมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่สำหรับทำสวน ปลูกผัก สำหรับคนที่มีใจรักธรรมชาติ โดยเฉพาะผู้สูงวัยที่เคยอยู่ในชนบทมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมมาก ๆ รีโนเวทบ้านเก่า

หากอยู่ในบ้านทรงกล่องไม่มีบริเวณอาจอยู่บ้านแบบเฉาๆ แต่ปัญหาเราแก้ได้ด้วยการจัดสัดส่วนการใช้งานอย่างรอบคอบ เหมือนเช่นทาวน์เฮาส์หลังนี้ที่ลูกชายมอบให้กับพ่อแม่ของเขาในบ้านเกิด เป็นบ้านที่ตั้งใจให้พ่อแม่ใช้ชีวิตในวัยเกษียณอย่างสบายและปลอดภัย ไม่ต้องกังวลกับพายุฤดูร้อนในพื้นที่ภาคกลางที่ค่อนข้างรุนแรง ในท่ามกลางความทันสมัยของอาคารก็ไม่ลืมที่จะแบ่งพื้นที่ปลูกพืชผักต้นไม้ด้วย

ทาวน์เฮาส์ 2 ชั้นขนาด 216 ตร.ม. ตั้งอยู่ในเมืองตัมกี จังหวัดกว๋างนาม ประเทศเวียดนาม ได้รับการออกแบบในโทนสีเรียบ เทา เบจ และไม้  ตามที่สถาปนิก Tran Nguyen Tuong กล่าวไว้คือ “สร้างความรู้สึกสมดุลให้กับเจ้าของ” โดยมีความน่าสนใจอยู่ที่การใส่ฟาซาดบนชั้นสอง ที่สามารถเปิดปิดได้อย่างยืดหยุ่นเพื่อสร้างพื้นที่ส่วนตัว จำกัดเสียงรบกวน

และฝุ่นละอองจากถนน แต่ภายในบ้าน อากาศถ่ายเทสะดวกมาก ระบบประตูไม้ชั้น 2 นี้ มีผลช่วยบังแดดอาคารด้านทิศตะวันตกและช่วยสร้างจุดเด่นให้กับบ้าน แม้รูปทรงของบ้านเป็นทรงสี่เหลี่ยมแต่ก็ไม่แข็งกระด้างด้วยประตูกระจก สีอ่อน ๆ  และต้นไม้เขียวขจีที่จัดไว้ตามกรอบของบ้านLuxury Villa

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

ลานกว้างหน้าบ้านเป็นกันชนป้องกันฝุ่นควัน และในขณะเดียวกันก็เป็นที่ที่ผู้สูงวัยในบ้านสามารถปลูกต้นไม้ได้ตามชอบใจที่ทางเข้าจากประตูหลักจะมีตู้รองเท้าและพื้นที่สำหรับเปลี่ยนรองเท้ากอ่นเข้าสู่ตัวบ้าน ตรงจุดนี้จะทำคล้ายๆ เก็นคัง ของญี่ปถ่น หรือก็คือบริเวณทางเข้าบ้าน ที่มีลักษณะเป็นห้องเล็ก ๆ  ใช้จัดเก็บ หรือเปลี่ยนจากรองเท้านอกบ้านเป็นรองเท้าใส่ในบ้านเพื่อความสะอาด แบ่งพื้นที่เปลี่ยนรองเท้ากับบ้านด้วยการยกพื้นขึ้นเล็กน้อย และตรงจุดนี้จะผนังอิฐแก้วเพื่อรับแสงจากบันไดด้านหลัง

ห้องนั่งเล่นตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่มuความทันสมัย ที่โดดเด่นที่สุดคือโซฟาหนังวัวสีน้ำตาลธรรมชาติบนพื้นหลังสีเทากลางๆ ของอาคาร  และโต๊ะกลางมุมมนท็อปสีดำสะดุดตา สถาปนิกจำกัดรายละเอียดที่ไม่จำเป็นเพื่อขยายพื้นที่ใช้งานภายในให้กว้างขึ้น โดยไม่มีผนังแบ่งกั้นทำให้เกิดความรู้สึกลื่นไหล สามารถรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่จากหน้าต่างบานใหญ่ด้านข้างนำแสงสว่างมาสู่ห้องนั่งเล่น

ถัดมาเป็นส่วนครัว-พื้นที่รับประทานอาหารของครอบครัวที่เป็นแบบเปิด พร้อม Kitchen Island ที่เป็นทั้งส่วนเตรียมอาหารและเป็น “ฉากกั้น” แบ่งพื้นที่  ห้องครัวสะอาดและกว้างขวางด้วยโทนสีขาว Islandได้รับการออกแบบให้มีอ่างล้างจานขนาดกะทัดรัดสำหรับใช้ล้างแก้ว ถ้วย จานขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมีลิ้นชักซ่อนออกแบบให้เก็บของใช้ในครัวได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดูไม่เกะกะ

เหนือโต๊ะทานข้าวจะเป็นโถงสูงเชื่อมต่อแนวตั้งขึ้นไปที่ชั้นบน ซึ่งนอกจากจะทำให้บ้านมีความใกล้ชิดปฏิสัมพันธ์ระหว่างชั้นง่ายขึ้น การหมุนเวียนของอากาศระหว่างชั้นทำได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ตรงจุดนี้ยังมีช่องแสง skylight ขนาดใหญ่ที่ดึงแสงธรรมชาติเข้าสู่บ้านให้แสงสว่างเพียงพอในช่วงกลางวัน ลดปัญหาการขาดแสงในอาคารได้ดี ทั้งนี้สถาปนิกใช้เหล็กดัดเป็นลวดลายใบใม้ติดตั้งไว้อีกชั้น เพื่อเป็นเครื่องกีดขวางไม่ให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้านมากเกินความจำเป็นจนทำให้บ้านร้อน

บันไดทางขึ้นชั้น 2 ของอาคารเป็นบันไดลูกนอนไม้ โครงเหล็กทาสีดำโปร่งๆ ไม่มีลูกตั้ง มีส่วนช่วยให้แสงและอากาศเคลื่อนที่ตามช่องว่างเหล่านี้ได้ดีขึ้นด้วยห้องนอนบนชั้น 2 มีการออกแบบที่สะดวกสบาย สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือระเบียงกว้างขวางพร้อมทิวทัศน์บริเวณที่อยู่อาศัย ซึ่งบริเวณนี้จะตรงกับส่วนของฟาซาดบานเหล็กกรุไม้เป็นซี่ๆ ที่อนุญาตให้แสงและลมผ่านเข้ามาได้ เมื่อต้องการเปิดรับบรรยากาศภายนอกก็เพียงแค่เปิดออก แต่ภายในนั้นจะมีหน้าต่างกระจกบานเลื่อนอยู่ด้านในอีก 1 ชั้น เพื่อป้องกันฝุ่นละออง ควัน และเสียง

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

ห้องบูชาอยู่ที่ชั้น 2 แยกออกมาจากโซนอื่นๆ ของบ้าน ทำให้ไม่รู้สึกขัดแย้งกับภาพรวมของบ้านที่ค่อนข้างทันสมัยเท่าไหร่นัก บริเวณนี้จะตกแต่งกรอบพื้นที่ด้วยไม้แกะสลัก ดูสง่างามและเรียบร้อยที่ด้านหลังจะมีประตูเหล็กนำไปสู่พื้นที่ทำสวนผักเขียวชอุ่ม ทำให้เจ้าของยังคงทำกิจกรรมที่ชอบและคุ้นเคยได้ โครงการบ้าน Hung House นี้จึงไม่ใช่แค่การออกแบบที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความรักของลูกที่มีต่อพ่อแม่ ด้วยการเน้นการออกแบบพื้นที่ให้อยู่สบายและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้สูงอายุไปพร้อมกัน

ห้องน้ำรวมบนชั้น 2 ตกแต่งด้วยผนังอิฐแก้วหลังส่วนชักโครก เพื่อให้ความรู้สึกถึงแสงสว่างและให้ความเป็นส่วนตัวในเวลาเดียวกันอย่างที่ทราบกันดีว่า “แสง” เป็นปัญหาที่พบมากในทาวน์เฮาส์ เพราะผนังทั้งสองด้านมักติดกับบ้านหลังอื่น ทำให้ไม่มีพื้นที่รับแสวด้านข้างเพียงพอ การออกแบบสกายไลท์บนหลังคาและเอเทรียม

หรือพื้นที่โถงสูงจึงเป็นโซลูชันยอดนิยมที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในหลายโครงการ ทั้งนี้จุดที่ติดตั้งช่องแสงจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ ตลอดจนทำเล การออกแบบ และการวางผังบ้าน ที่ต่างกันออกไป แต่โดยมากจะมีการออกแบบ skylight บริเวณกลางบ้านส่วนบันได ส่วนหลังบ้าน หรือในโซนครัว เพื่อให้พื้นที่กว้างขวางและสว่างโล่งมากขึ้น

แบ่งพื้นที่ทำสวนและบ่อปลา ใช้ชีวิตสดใสภายในบ้านทาวน์เฮาส์

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

“สถาปัตยกรรมที่สวยงาม ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการใช้งานเท่านั้น แต่ยังต้องผสมผสานปัจจัยทางธรรมชาติและมนุษย์เข้าด้วยกันอย่างกลมกลืน นำชีวิตที่สดใสมาสู่เจ้าของ” สิ่งนี้เป็นแนวคิดของสถาปนิก NHÀ ĐẸP QUẢNG NAM  ที่ใช้เป็นคอนเซ็ปหลักในการออกแบบบ้าน  เพราะทราบถึงข้อดีของการมีต้นไม้ สายลม แสงแดด น้ำที่ควรมีในบ้าน ไม่ใช่เฉพาะหลังที่ “บ้านไอเดีย” จะพาไปชมนี้เท่านั้น แต่ทีมงานยังพยายามแทรกองค์ประกอบของธรรมชาติเข้าไปอย่างกลมกลืนในบ้านทุกหลังที่ดีไซน์ แม้ว่าไซต์นั้น ๆ จะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ก็ตาม

ทาวน์เฮาส์เล็ก ๆ ที่สวยงามด้วยเส้นสายโค้ง ตั้งแต่ประตูรั้วหน้าบ้านนี้ ในเมืองตัมกี (กว๋างนาม) เจ้าของบ้านเป็นลูกสาวที่ตั้งใจทำบ้านเพื่อพ่อแม่ของเธอ ออกแบบโดยสถาปนิก Tran Nguyen Tuong พื้นที่ก่อสร้าง 7×15 เมตร มี 2 ห้องนอน 1 ห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว แพนทรีครัวเล็ก ๆ ซึ่งก็เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน มีพื้นที่ที่เหลือสำหรับมุมเล็กๆ ของสวน พร้อมบ่อปลาคาร์ปและพื้นที่ระเบียงสำหรับให้ครอบครัวมาพูดคุย รับลมเย็นๆ หรือจัดปาร์ตี้บนชั้นสอง

นอกจากเจ้าของบ้านจะให้ความสำคัญกับดีไซน์ การออกแบบภายใน และความสวยงามในภาพรวมแล้ว ยังใส่ใจกับการดึงองค์ประกอบธรรมชาติให้เข้ามามีส่วนร่วมกับบ้านให้มากที่สุด ในพื้นที่ไม่มากสถาปนิกจึงจัดคอร์ทยาร์ดเล็ก ๆ ข้างบ้าน ปูด้วยกรวดสีขาวและหญ้าเทียม นำสีเขียวเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยแบบดูแลรักษาง่าย และทำบ่อปลาให้ความสดชื่นจากน้ำ และเพิ่มความเคลื่อนไหวเสริมฮวงจุ้ยบ้านไปด้วยในตัว

ทาวน์เฮาส์มีมุมทำสวน ปลูกผักในบ้านทาวน์เฮาส์

บริเวณบ่อปลาจะสามารถเปิดเข้าออกเชื่อมต่อพื้นที่ใช้สอยในบ้านผ่านประตูบานเลื่อน ทำให้รู้สึกบ้านเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ และขณะเดียวกันธรรมชาติก็เป็นส่วนหนึ่งของบ้านด้วยแบบที่เรียกว่า inside out- outside-in เหนือคอร์ทยาร์ดเป็นช่องว่างโถงสูงหลายเมตร ด้านบนเป็นหลังคาเพื่อป้องกันฝุ่นและเป็นกันสาดกันฝนที่เปียกชื้น แต่ยังมีแสงเพียงพอด้วยกระจกเป็นสกายไลท์ที่เริ่มมีทั่วไปในทาวน์เฮาส์และบ้านหน้าแคบลึกมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้กับพื้นที่อย่างเป็นธรรมชาติ

เข้ามาสู่พื้นที่ภายในบ้านจะต้อนรับด้วยมุมนั่งเล่นพักผ่อน ตกแต่งให้ดูกว้างและผ่อนคลายด้วยโทนสีกลางๆ โทนเทา ขาว โดยจัดโต๊ะโวฟาชิดมุมผนังด้านเดียวเพื่อให้รู้สึกว่าบ้านยังมีพื้นที่ว่างสัญจรสบายๆ เดินลึกเข้าไปอีกนิดจะเป็นมุมนั่งทานข้าวและแพนทรีครัว ซึ่งสถาปนิกใช้การเล่นระดับบ้านและใช้วัสดุสีเข้มบริเวณขอบพื้น เพื่อบอกถึงขอบเขตฟังก์ชันที่เปลี่ยนไปและเป็นจุดสังเกตให้ระวัง ซึ่งวิธีนี้ทำให้รู้สึกถึงความเป็นสัดส่วนโดยไม่ต้องก่อผนังปิดแบ่งเป็นห้องๆ แบบเดิมๆ ที่จะทำให้บ้านแคบลง

ระหว่างห้องนั่งเล่นและครัวยังมีพาร์ทิชันฉลุลายกราฟฟิกโปร่งๆ ทำหน้าที่กั้นแบ่งวัดส่วนบ้านแบบหลวมๆ และเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับบันไดที่อยู่ด้านหลัง ป้องกันไม่ให้บันไดโล่งในขณะที่มีช่องว่างอยู่ตรงยจุดนั้น

ห้องทานข้าวโถงสูงสองชั้นแบบ Double Space ทำให้เกิดความรู้สึกโปร่งโล่ง และยังเชื่อมต่อมุมมองออกไปเห็นวิวในมุมสูงผ่านผนังกระจกและสกายไลท์ เมื่อเลื่อนเปิดประตูออกก็สัมผัสกับความชุมฉ่ำของน้ำจากบ่อปลา นั่งทานข้าวไปด้วยชมปลาชมสวนไปด้วย สร้างบรรยากาศที่สุนทรีให้ทุกมื้ออาหารจนกลายเป็นมุมโปรดของบ้านได้ไม่ยาก

ไม่เฉพาะห้องทานข้าว ห้องนั่งเล่น เท่านั้นที่ได้รับความสดชื่นจากธรรมชาติ แม้แต่ในห้องนอนทีมงานก็จัดมุมมองให้สามารถเชื่อมต่อกับคอร์ทยาร์ดได้ในด้านในด้านหนึ่ง เพื่อให้ทุกพื้นที่ไม่ถูกตัดขาดจากองค์ประกอบสีเขียวที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา สำหรับห้องนอนนี้จะมี 3 ด้านที่เปิดโล่งด้วยช่องรับแสงและสวน ความสว่างและสายลมที่ไหลผ่านเข้ามาได้มากจะช่วยให้เจ้าของมีสุขภาพแข็งแรงและเต็มไปด้วยพลังบวก

ที่ชั้นบนมีพื้นที่นั่งเล่นกึ่งกลางแจ้งที่เชื่อมต่อกับระเบียงกว้างๆ มาพร้อมโซฟากลมนุ่มสบายขนาดใหญ่เหมือนเตียงนอน ที่นี่สมาชิกครอบครัวสามารถมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหาร พูดคุย หรือนั่งเล่นชมวิวในช่วงบ่ายด้วยกัน ให้ความรู้สึกเหมือนมีรีสอร์ทอยู่ในบ้าน